บทความ

 ​ อนุญาติให้นำไปใช้ได้ แต่กรุณาให้เครดิตทางเราด้วย    

ความสำคัญของเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า

         ​       ในปัจจุบัน เครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีความสำคัญในชีวิตและการทำงานมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้อุปกรณ์ทุกอย่างล้วนใช้ไฟฟ้าในการเป็นพลังงานหลัก ทำให้เมื่อเกิดไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าขัดข้อง อุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆในชีวิตประจำวันและในการทำงาน ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ในปัจจุบันนอกจากตามโรงพยาบาล โรงงานหรือโรงแรมที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นปกติแล้ว ตามบ้านพักอาศัย ออฟฟิต หรือรีสอร์ทต่างๆก็มีความต้องการในการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โดยมีหลายเหตุผลสำหรับความจำเป็นและประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
    
1. การสำรองไฟฟ้า : เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามักถูกใช้เพื่อสำรองไฟฟ้าในกรณีที่มีการขัดข้องหรือดับของระบบไฟฟ้าหลักซึ่งช่วยให้ไม่ต้องหยุดงานหรือกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การทำงานในออฟฟิศ โรงงาน โรงแรมหรือการใช้ไฟฟ้าที่บ้านแม้ว่ามีการขัดข้องในระบบไฟฟ้าในพื้นที่ของคุณ
    
2. การใช้งานในที่ต่างๆ : เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเหมาะสำหรับใช้ในสถานที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับไฟฟ้าหลักอย่างถาวร เช่น ในพื้นที่ชนบทหรือบนเกาะ นอกจากนี้ การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในงานก่อสร้างหรือการจัดเลี้ยงกิจกรรมนอกสถานที่ก็เป็นไปได้
    
3. การรักษาอุปกรณ์ที่ต้องการไฟฟ้าตลอดเวลา : ในบางกรณี เครื่องกำเนิดไฟฟ้าถูกใช้เพื่อรักษาอุปกรณ์ที่ต้องการไฟฟ้าตลอดเวลา เช่น คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ควรมีช่วงเวลาไร้ไฟ
    
4. การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในภาวะฉุกเฉิน : ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามักถูกใช้เพื่อให้ไฟฟ้าในโรงพยาบาล  หรือสถานที่ฉุกเฉินอื่นๆ ในกรณีที่มีการขัดข้องในระบบไฟฟ้าหรือไฟฟ้าดับ
    
5. การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์มีภัย : เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์มีภัย เช่น พายุหรือไฟป่า ที่อาจทำให้ไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน   รวมกันแล้ว เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการรักษาความเป็นไปได้และความสะดวกสบายในการใช้งานไฟฟ้าในสถานการณ์ต่างๆ และเป็นสิ่งจำเป็นในบางสถานการณ์ที่ต้องการไฟฟ้าตลอดเวลาหรือการสำรองไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉินและสถานการณ์ที่ไฟฟ้ามีความสำคัญสำหรับงานและชีวิตประจำวันของคุณ

         ทุกวันนี้อุปกร์สำรองไฟฟ้าหลายหลายชนิด อาทิเช่น  แบตเตอรี่สำรองแบบพกพา UPS ระบบ Solar Cell และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดนั้น จะมีข้อจำกัดในการใช้งาน โดยระบบที่นิยมกันมากที่สุด จะเป็นระบบ UPS ทำงานรวมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือระบบ Solar Cell ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือระบบ UPS ทำงานร่วมกับระบบ Solar Cell และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งแต่ระบบนั้น จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้ 

1. UPS : จะนิยมใช้งานกับคอมพิวเตอร์ เซิฟเวอร์หรืออุปกร์ทางการแพทย์ โดยส่วนใหญ่จะใช้สำรองไฟฟ้าเพียง 15นาทีถึง 2 ชั่วโมง
2. ระบบ Solar Cell : ใช้กับบ้านพักอาศัย ออฟฟิต รีสอร์ท ออฟฟิตหรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่จะใช้แทนไฟฟ้าหลักหรือร่วมกันในช่วงกลางวัน
3. เครื่องกำเนิดไฟฟ้า : ใช้กับบ้านพักอาศัพ ออฟฟิต โรงแรมรีสอร์ท โรงพยาบาลคลีนิค โรงงานอุตสาหกรรม หรือบริเวณที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนใหญ่จะใช้สำรองไฟฟ้าในระยะเวลานาน 1-8 ชั่วโมง

ในส่วนของลักษณะของการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆนั้น จะเป็นการเสริมระบบให้การทำงานได้ดีขึ้น โดยมีลักษณะการทำงานดังนี้

แบบที่ 1 UPS ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า : ระบบนี้ เป็นระบบที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการสำรองไฟฟ้าได้ดี โดยลักษณะการทำงานคือ เมื่อไฟฟ้าขัดข้องระบบจะมีสามารถ จ่ายไฟฟ้าต่อได้ทันที่จะไม่มีไฟฟ้าดับหรือขาดตอนเลย เนื่องจาก UPS จะมีการสลับจ่ายไฟฟ้าจากไฟฟ้าหลักมาที่ไฟฟ้าจากเครื่อง UPS หลังจากนั้นเมื่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมจ่ายไฟ เครื่อง UPS จะทำการสลับการจ่ายไฟฟ้าจากเครื่อง UPS มาที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทำให้ระบบนี้เป็นระบบที่นิยมและมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเนื่องจากไม่มีช่วงไฟดับและสำรองไฟฟ้าได้นาน

แบบที่ 2 ระบบ Solar Cell ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า : ระบบนี้เป็นที่นิยมใช้ตามบ้านพักอาศัย รีสอร์ท โดยจะใช้ระบบ Solar Cell แทนไฟฟ้าหลักหรือไฟฟ้าจากการไฟฟ้า และใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำรองชาร์จแบตเตอรี่ UPS ในช่วงที่แสงแดดไม่เพียงพอต่อการชาร์จแบตหรือในช่วงที่ต้องการใช้ไฟฟ้าเยอะเป็นพิเศษ

แบบที่ 3 ระบบ Solar Cell ทำงานร่วมกับ UPS และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า : ระบบนี้เป็นที่นิยมใช้ออฟฟิต ห้องเซิฟเวอร์หรือโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันยังมีความนิยมน้อยกว่าแบบอื่นๆ จากราคาที่ใช้ติดตั้งค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องติดตั้งทั้ง 3 ระบบ โดยหลักการทำงานคือ ใช้ระบบ Solar Cell แทนไฟฟ้าหลัก และใช้ระบบ UPS และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองไฟฟ้าร่วมกันเหมือนกันแบบที่ 1

โดยที่กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้น นอกจากจะใช้สำรองไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองหรือใช้ในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า ยังเป็นส่วนที่ทำให้ระบบสำรองไฟฟ้าเกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากสำรองไฟฟ้าได้ยาวนาน และราคาต่อ kW ถูกกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้ในปัจจุบันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น หากมองความมีประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและการทำงานในปัจจุบัน

write product review

ข้อดีของเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า

         ​       ​เครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีข้อดีหลายประการที่ทำให้มันเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในหลายสถานการณ์ นี่คือข้อดีหลักของเครื่องปั่นไฟ  
  
1. การสำรองไฟฟ้า : เครื่องปั่นไฟฟ้าสามารถใช้เพื่อสำรองไฟฟ้าในกรณีไฟฟ้าดับ ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องหยุดการทำงานหรือชีวิตประจำวันขณะเกิดข้อขัดข้องในระบบไฟฟ้าสาธารณะ

2. ความเสถียรและปลอดภัย : เครื่องปั่นไฟฟ้ามักมีระบบการทำงานที่มั่นคงและปลอดภัย ทำให้คุณมั่นใจได้ในความเสถียรของการใช้งานและความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ต่อกับไฟฟ้า

3. ความคุ้มค่าและประหยัด : เครื่องปั่นไฟฟ้ามีราคาที่เหมาะสมและมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากราคาต่อ kW จะถูกสุดในอุปกรณ์สำรองไฟฟ้าหรืออุปกรณ์สร้างไฟฟ้า     
4. ความหลากหลายในการใช้งาน : เครื่องปั่นไฟฟ้าสามารถใช้งานในหลายสถานการณ์ เช่น ในบ้านพักอาศัยเพื่อสำรองไฟฟ้า ในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าสาธารณะ หรือในการทำงานหรือธุรกิจเพื่อป้องกันการขาดไฟฟ้า 
   
5. ความยืดหยุ่น : เครื่องปั่นไฟฟ้าสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ โดยสะดวก ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับใช้งานในสถานที่ต่างๆ หรือในการช่วยเหลือฉุกเฉิน
    
6. การทำงานในสภาวะฉุกเฉิน : เครื่องปั่นไฟฟ้ามักถูกใช้ในสภาวะฉุกเฉิน เช่น ในเหตุการณ์ภัยพิบัติ เหตุการณ์ภัยธรรมชาติ หรือภัยอุบัติ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ที่สำคัญในกรณีฉุกเฉิน
    
7. การใช้งานร่วมกับพลังงานทดแทน : เครื่องปั่นไฟฟ้าสามารถใช้งานร่วมกับพลังงานทดแทนเช่น แผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งช่วยลดการใช้งานแหล่งพลังงานที่เป็นมลพิษและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้า 
   
8. ความพร้อมใช้งาน : เครื่องปั่นไฟฟ้าสามารถทำงานทันทีเมื่อไฟฟ้าดับ ไม่ต้องรอให้เสร็จสิ้นการซ่อมแซมในระบบไฟฟ้าสาธารณะ 
   
เครื่องปั่นไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากในการสำรองไฟฟ้าและการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องการพลังงานฟฟ้าในสภาวะที่ไฟฟ้าไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย

write product review

การเลือกเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า

เครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาดเท่าไร ถึงเหมาะกับการใช้งานของคุณ ?
    
               ขนาดของเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่เหมาะสำหรับการใช้งานจะขึ้นอยู่กับความต้องการไฟฟ้าและประเภทของการใช้งานของคุณ นี่คือบางแนวทางในการเลือกขนาดเครื่องปั่นไฟ

1. ใช้งานที่บ้าน : ถ้าคุณต้องการใช้เครื่องปั่นไฟในบ้านเพื่อสำรองไฟฟ้าในกรณีไฟฟ้าดับ ความขนาดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามักจะขึ้นอยู่กับความต้องการการสำรองไฟฟ้าของคุณ อาทิเช่น หากต้องการสำรองไฟฟ้าเฉพาะห้องนอนห้องเดียว อาจจะเป็นเครื่องตั้งแต่ขนาด 5kW – 12kW ขึ้นอยู่กับขนาดของแอร์(BTU)และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในห้องนอน หรือหากต้องการสำรองไฟฟ้าบ้านทั้งหลัง อาจจะต้องดูขนาดปั้มน้ำ(kW หรือ แรงม้า) จำนวนแอร์ภายในบ้าน(BTU)เป็นหลัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะใช้ขนาดตั้งแต่ 16kW ขึ้นไป  

2. ใช้งานในการทำงานหรือธุรกิจ: สำหรับการใช้งานในออฟฟิศ ร้านค้า หรือธุรกิจเล็กๆ จะมีความต้องการขนาดเครื่องตั้งแต่ 5kW ขึ้นไป จนถึง 50kW  ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการสำรองไฟฟ้าในส่วนนั้นๆ อาทิเช่น หากต้องการเพียงระบบเซิฟเวอร์ขนาดเล็ก เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 5kW-10kW ก็จะเพียงพอต่อความต้องการ หากต้องการสำรองไฟฟ้าทั้งออฟฟิต จะต้องดูจำนวนแอร์(BTU) จำนวนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆเพื่อคำนวนหาค่ากำลังไฟฟ้าที่ต้องการ  

3. ใช้งานในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้า: ถ้าคุณต้องการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในสถานที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับไฟฟ้าหลัก เช่น บริเวณหน้างานก่อสร้าง โดยส่วนใหญ่จะใช้ขนาด 5kW ถึง 16kW เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย  รีสอร์ทโรงแรมในเขื่อนหรือบนเกาะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ขนาดตั้งแต่ 16kW ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการ

              แนวทางการเลือกเซื้อครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 

1. ประเภทของการใช้งาน : กำหนดว่าคุณจะใช้เครื่องปั่นไฟสำหรับการสำรองไฟฟ้าในบ้าน หรือใช้ในการทำงานหรือธุรกิจ หรือแม้กระทั่งในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเลย เพราะความต้องการแตกต่างกันและจะส่งผลต่อขนาดและพลังงานที่ต้องการของเครื่องปั่นไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอุปกร์ไฟฟ้าที่คุณต้องการใช้งานกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
   
2. ความต้องการของกำลังไฟฟ้า : เบื้องต้นให้ประเมินความต้องการของคุณในเรื่องของกำลังไฟฟ้าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ต้องการ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการใช้  หากไม่มีความรู้ในส่วนนี้สามารถส่งรายการอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ให้ผู้ให้บริการช่วยคำนวนได้     

3. คุณภาพและยี่ห้อ : เลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ มีผลงานที่เด่นชัดพิสูจน์ได้ มีทีมเซอวิสและบริการหลัการขาย ไม่โฆษณาเกินจริง มีการจำหน่ายไปยังผู้ใช้งานจริง ผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ดี และมีรีวิวที่ดี นอกจากนี้ คุณควรคำนึงถึงคุณภาพของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะผลิตด้วยวัสดุทีดี กระบวนการที่มีคุณภาพและไฟฟ้าเต็มกำลัง โดยพิสูจน์จากผู้จำหน่ายมีการเทสโหลด (Dummy Load Test) ให้ได้    

4. ความเงียบ : ถ้าความเงียบสำคัญสำหรับคุณ เลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีตู้ครอบเก็บเสียงที่มีคุณภาพ  โดยปกติเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เก็บเสียงได้ดีมักจะมีราคาสูงกว่า

5. ความคุ้มค่า : ให้คำนึงถึงราคาและคุณภาพที่คุณได้รับในการซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่อย่าละเลยเรื่องคุณภาพ เครื่องกำเนิดไฟที่ราคาถูกอาจจะไม่มีคุณภาพและบริการหลังการขายดีเท่าเครื่องที่ราคาสูงขึ้น    

              สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือ การประเมินความต้องการของคุณเพื่อรู้ว่าคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาดเท่าใด นอกจากนี้คุณควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าของคุณและความเหมาะสมของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่คุณกำลังพิจารณาซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำงานได้อย่างเสถียร เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ ที่คุณต้องการใช้งาน

write product review

การดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 

         ​    ​หลักการดูแลรักษษเครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีรายละเอียดดังนี้

1. การบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นประจำ : ทำการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟฟ้าตามคำแนะนำจากผู้ผลิต เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและชุดกรองตามระยะเวลาที่กำหนด ตรวจสอบสายพาน และดูแลการรักษาทั่วไปของเครื่องปั่นไฟฟ้าเพื่อให้มันทำงานได้อย่างเสถียรและยืดอายุการใช้งาน  

2. การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน : รู้วิธีการเปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน และเตรียมพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น สายไฟพ่วงเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่คุณต้องการใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า  

3. การเก็บรักษา : รักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่แห้งและและไม่มีน้ำขัง ทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นประจำ เพื่อลดปัญหาหนูและแมลงเข้ามาที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้า  

4. การทดสอบและบำรุงรักษาประจำ : ตรวจสอบการทำงานของเครื่องปั่นไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ โดยอย่างน้อยควรสตาร์ทเครื่องทุกสัปดาห์หรืออย่างน้อยสิงสัปดาห์ครั้ง ครั้งละ 10-20 นาที เพื่อให้แบตเตอรี่ได้มีการทำงานของประจุและระบบน้ำมันเครื่องหรือน้ำยาหล่อเย็นได้เกิดการหมุนเวียน  

5. อ่านคู่มือผู้ใช้ : อ่านคู่มือผู้ใช้และคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอย่างละเอียดและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้สามารถใช้เครื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  

            การดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟฟ้าอย่างดีจะทำให้เครื่องปั่นไฟฟ้าของคุณมีอายุการใช้งานยาวนานและทำงานได้อย่างเสถียรในเวลาที่คุณต้องการใช้งานมันในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการสำรองไฟฟ้าในระยะยาว

write product review
  ติดต่อเรา

02-363-6267 , 02-363-6341

06-4949-4929 , 06-5356-6959

ช่องทางติดต่อเพิ่มเติม

sales@star-gen.com

@stargen

StarGenGiraputhrStar

STAR GEN

Thank you! Your message has been sent.
Unable to send your message. Please fix errors then try again.